แนวทางการเติบโตของธุรกิจอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม แต่ขั้นตอนสู่ความสำเร็จจะมีเส้นทางหลักที่คล้ายกันทุกอุตสากรรมนำมาใช้ได้ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จต้องผ่านการเริ่มต้นที่มีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้
การเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าที่มีความไม่แน่นอนตลอดเวลาเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ แต่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ยืดหยุ่ยเพื่อให้สามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ เราลองมาดูกันว่า 6 ขั้นตอนเพื่อช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตขึ้น มีอะไรบ้าง
- เมื่อได้มีโอกาสโฆษณาฟรี หรือเสียค่าโฆษณาที่ราคาไม่แพง ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่
ข้อผิดพลากของธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่งคือ การละเลยการทำการตลาด หรือทำทีหลังสุดไม่ได้เห็นความสำคัญมากนัก
การโฆษณาเป็นองค์ประกอสำคัญของกลุยทธ์การเจริญเติบโตที่ประสบความสำเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเเรกๆ การตลาดอาจจะรู้สึกน่าเยื่อและสิ้นเปลืองทรัพยากรไปมากในช่วงแรก แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่าธุรกิจจะเติบโตหรือล้มเหลวไปเลยก็ได้ ตัวเลือกการตลาดที่ใช้งบประมาณต่ำและมีประสิทธิภาพ เช่น โซลเซียลมีเดีย พันธมิตร การทำคอนเท้นท์และการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถื
เริ่มแรกยังไม่ต้องจ้างดาราที่มีชื่อเสียงมา อาจจะเริ่มต้นด้วยการหาอินฟลูเลนซ์หรือบล๊อคเกอร์มาช่วยโฆษณาก่อนได้ ซึ่งราคาไม่ได้แพงเท่ากับดาราแน่นอน ก่อนอื่นใดๆ ที่จะทำการโฆษณาคุณต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ดีเสียก่อน เมื่อคุณรู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายแล้ส ควรจัดลำดับความสำคัญที่จะเชื่อมโยงลูกค้าและธุรกิจของคุณเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่ากลัวที่จะสร้างสรรค์ ไอเดียกลยุทธ์ทางการตลาด
2. ลงทุนในบุคคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
การเปิดรับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญสามารถเฉพาะด้านนั้นส่งผลให้ธุรกิจสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้น เจ้าของธุรกิจหลายแห่งมองว่าอยากลดต้นทุน โดยการปลดพนักงานบบางส่วนออกแล้วทำงานแทนในบางส่วน แต่นั้นจะหมายความว่าคุณจะไม่มีเวลาเพียงพอที่จะนำไปคิดวางแผนขยายธุรกิจของคุณอีกแล้ว เจ้าของธุรกิจควรมองหาบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมาทำงานทดแทน อย่ามองว่าค่าใช้จ่ายสูงเพราะผลตอบแทนจะได้รับสูงมากกว่าค่าใช้จ่ายในการจ้างคนนั้นๆ
- ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีสมัยใหม่
เทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและความสำเร็จ ผลการศึกษาล่าสุดชิ้นหนึ่งพบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจใหม่ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างเต็มที่เพื่อให้เติบโตและเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจ สตาร์ทอัพต้องลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นประโยชน์
4. รู้ว่าเมื่อไหร่ว่าถึงจุดเปลี่ยน
ธุรกิจสตาร์ทอัพบางแห่งล้มเหลวเพราะไม่สามารถอ่านความต้องการของตลาดได้ หรือบางครั้งอ่านข้อมูลทางการตลาดผิดพลาดไปทำให้วิเคราะห์ตีความหายกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนไป ยิ่งเป็นการวิ่งหนีกลุ่มลุกค้าออกไปเรื่อยๆ บางครั้งหากการเปลี่ยนแปลงไปอีกเส้นทางอาจจะช่วยใให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น เช่น บริษัทที่เคยผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหันมาผลิตเครื่องอุปกรณ์ในครัวเพิ่มมาอาจจะช่วยให้บริษัทที่รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวเพราะจับกลุ่มลูกค้าได้ตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดคนไม่นิยมออกไปทานอาหารนอกบ้านและชอบทำอาหารกินเองภายในครอบครัวก็ทำให้บริษัทสร้างรายได้มากขึ้น
- พร้อมเจอความเสี่ยงอยู่เสมอ
74% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางกล่าวว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อความสำเร็จที่เป็นไปได้ เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนการเสี่ยงมีต้นทุนเสมอ หากเมื่อเราพร้อมและเตรียมการรับความเสี่ยงนั้นได้ก็ช่วยให้เราเรียนรู้และพัฒนาให้ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต จำไว้เสมอว่าคอมฟอร์ตโซนไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจคุณเติมโต มีแต่การเผชิญหน้ากับความเสี่ยงเท่านั้นที่จะนำพาคุณไปถึง
6. Growth Hacking ไม่จำเป็นต้องยากเสมอไป
เมื่อพูดถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างยั่งยืน สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ก่อตั้งสามารถทำได้คือวางรากฐานที่เหมาะสมของธุรกิจ
นวัตกรรม , ความหลงใหลและจิตวิญญาณของผู้ประกอบการเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจได้ดีที่สุด ตราบใดที่คุณรักษาระบบเหล่านี้ไว้และทำมันเป็นขั้นเป็นตอน ธุรกิจของคุณจะเติบโตไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเจออะไรในอนาคต