Skip to content

WAKEDIGI

เเบ่งปันความรู้การตลาดออนไลน์

Menu
  • DIGITALONLINE
    • BRANDING
    • DIGITAL STRATEGY
    • MARKETING ONLINE
    • SOCIALMEDIA UPDATE
    • TECH-WAKEUP
  • SEO
  • GOOGLE
  • DIGITAL ASSET
  • AI-NEWS
  • LIVELY
  • ABOUT WAKE
    • Contact Me
    • Privacy Policy
    • Terms of Service
    • Disclaimer
    • แผนผังเว็บไซต์
Menu

10 กลยุทธ์การขายออนไลน์ สร้างยอดขายให้ประสบผลสำเร็จ

Posted on 19 มิถุนายน 2022

กลยุทธ์การขายออนไลน์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนฟังเเล้วอาจจะกังวลในการเริ่มต้น ว่าควรจะเริ่มจากจุดไหนดี เพื่อช่วยคลายความกังวลในจุดเริ่มต้นนั้น

เราได้เลือก 10 กลยุทธ์การขายออนไลน์ สร้างยอดขายให้ประสบผลสำเร็จ ขั้นพื้นฐานมาแบ่งปัน เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นทำได้ทันที

10 กลยุทธ์การขายออนไลน์ มีอะไรบ้าง :
1.การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา SEO
2.การตลาดเนื้อหา Content Marketing
3.การตลาดแบบ PPC
4.การตลาดผ่านอีเมล
5.การตลาดพันธมิตร Affiliate Marketing
6.การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ Influencer Marketing
7.การตลาดวิดีโอ Video Marketing
8.การตลาดบนโซเชียลมีเดีย Social Media Marketing
9.พอดคาสต์ Podcast
10.การเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการแปลง Conversion rate optimization

Photo by Lukas: www.pexels.com

เข้าสู่เนื้อหา 10 กลยุทธ์การขายออนไลน์ สร้างยอดขายให้ประสบผลสำเร็จ
1.การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา SEO
การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา (SEO) เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ หรือหน้าเว็บเพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเข้าชมจากผลลัพธ์ทั่วไปของเครื่องมือค้นหา เมื่อเพจของคุณมีอันดับสูงในเครื่องมือค้นหาและรักษาตำแหน่งบนหน้าเว็บ คุณจะได้รับการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณฟรี

หากคุณต้องการได้อันดับสูงในเครื่องมือค้นหา ต้องกำหนดเป้าหมายหัวข้อที่ผู้ชมของคุณกำลังค้นหา การค้นหาหัวข้อเหล่านี้ คือกระบวนการที่เรียกว่าการวิจัยคำหลักและวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้น คือการใช้เครื่องมือวิจัยคำหลักสำหรับดูปริมาณก่อน หลังจากนั้นคุณต้องสร้างหน้าเว็บไซต์ที่สมควรได้รับการจัดอันดับสำหรับคำหลักนั้นด้วย

2.การตลาดเนื้อหา Content Marketing
การตลาดเนื้อหาเป็นกระบวนการในการสร้างและแจกจ่ายเนื้อหาเพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ ในการเริ่มต้น ตั้งเป้าหมายของคุณ คือ การตอบคำถามง่ายๆ ให้ได้ เช่น
-คุณสร้างเนื้อหานั้นให้ใคร
-ทำไมคุณถึงสร้างเนื้อหา
-คุณจะสร้างเนื้อหาประเภทใด
-คุณจะเผยแพร่เนื้อหาที่ไหน
-คุณจะสร้างเนื้อหาอย่างไร
การทำการโปรโมตเนื้อหา หมายถึงการไม่ต้องรอให้ผู้ชมเป้าหมายค้นพบเนื้อหาของคุณ แต่เป็นการแสดงเนื้อหาต่อหน้าพวกเขาได้ทันที

3.การตลาดแบบ PPC
การตลาดแบบจ่ายเงินต่อการคลิก (PPC) เป็นรูปแบบหนึ่งของการโฆษณาออนไลน์ที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของตน โฆษณาบนเสิร์ชเอ็นจิ้นเป็นรูปแบบโฆษณาที่ใช้กันทั่วไปในการตลาดแบบ PPC รูปแบบอื่นๆ ได้แก่ โฆษณาแบบรูปภาพบนเว็บไซต์และโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย เช่น ที่คุณเห็นบน Facebook, Instagram และ YouTube

ก่อนอื่นต้องเลือกแพลตฟอร์มที่คุณต้องการโฆษณา คุณควรจ่ายเฉพาะค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่มีผู้ชมของคุณอยู่เท่านั้น เช่นคุณต้องการเครื่องจักรอุตสหากรรมโรงงานขนาดใหญ่ คุณอาจจะทำการลงโฆษณาที่กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง-สูงใช้เป็นประจำ โฆษณาอาจสำเร็จหรือล้มเหลวตามการกำหนดเป้าหมายของคุณ ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีข้อมูลสำรองตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายของคุณ

4.การตลาดผ่านอีเมล Email Marketing
การตลาดทางอีเมล คือการส่งข้อความทางการตลาดผ่านช่องทางอีเมล การตลาดผ่านอีเมลไม่ใช่มีแค่การส่งอีเมลเท่านั้น ยังรวมถึง

Photo by Torsten Dettlaff: https://www.pexels.com/photo/black-and-gray-digital-device-193003/

-การสร้างรายชื่ออีเมล
-การออกแบบ เขียน และส่งอีเมลไปยังสมาชิกของคุณ
-การแบ่งส่วนรายการ
-ตัดสินใจว่าจะส่งอีเมลเมื่อใด
-การติดตามผล
-การจัดการรายชื่ออีเมล

ในการเริ่มต้น คุณจะต้องมีรายชื่อที่อยู่อีเมลเพื่อส่งข้อความถึง วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างรายการนี้ คือการเสนอสิ่งจูงใจแก่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อแลกกับการสมัคร ตัวอย่างเช่น ร้านค้าอีคอมเมิร์ซจะเสนอคูปองส่วนลด เพื่อใช้เเลกกับการสมัครสมาชิก

5.การตลาดพันธมิตร Affiliate Marketing
การตลาดแบบพันธมิตรเป็นการให้คนอื่นโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณเพื่อแลกกับค่าคอมมิชชั่น ตัวอย่างเช่น หากผลิตภัณฑ์ของคุณมีราคา 100 บาท คุณสามารถจ่ายเงินให้พันธมิตร 10บาท สำหรับการขายแต่ละครั้งที่พวกเขาขายสินค้าให้คุณ

6.การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ Influencer Marketing
ผู้มีอิทธิพลคือผู้ที่มีผู้ชมติดตามจำนวนมาก (โดยปกติบนโซเชียลมีเดีย) และความสามารถในการโน้มน้าวผู้ฟังให้ทำอะไรบางอย่าง

วิธีที่ง่ายที่สุดในการค้นหาผู้มีอิทธิพล รวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลแล้ว ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดเพราะบางคนมียอดติดตามปลอมทำให้การโปรโมตไม่ได้ผลดีสักเท่าไหร่ นอกเหนือจากจำนวนการติดตาม คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณภาพของการมีส่วนร่วมนั้นมีอยู่ด้วย หากอินฟลูเอนเซอร์มีผู้ติดตามจำนวนมากแต่แทบไม่ได้รับความคิดเห็นใดๆ

ในโพสต์ของพวกเขานั่นอาจเป็นสัญญาณที่ไม่ได้ดี จำนวนไลค์ ความคิดเห็น รีทวีต ฯลฯ ล้วนไม่สำคัญ ควรวิเคราะห์ในรายละเอียดสักหน่อยหรือติดตามจนเกิดความมั่นใจว่า คนนั้นมีอิทธิพลจริงๆ

7.การตลาดวิดีโอ Video Marketing
การตลาดวิดีโอใช้วิดีโอเพื่อส่งเสริมและให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายของคุณ นอกจากนี้ยังใช้เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และการมีส่วนร่วม ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่และใหญ่ขึ้น

เริ่มต้น คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการสร้างวิดีโอประเภทใด มีวัตถุประสงค์หลักสามประการสำหรับการตลาดผ่านวิดีโอ ได้แก่ การรับรู้ถึงแบรนด์ การศึกษา หรือความบันเทิง
-หากเป้าหมายของคุณ คือการสร้างวิดีโอสำหรับการรับรู้ถึงแบรนด์หรือความบันเทิง ถ้าแบบนี้ไม่มีแบบตายตัวสร้างสรรค์ออกมาได้เลย
-หากเป้าหมายของคุณ คือการสร้างเนื้อหาด้านการศึกษา คุณต้องทำวิจัยคำหลัก Keyword เพื่อดูว่าผู้คนกำลังค้นหาหัวข้อหรือคำถามประเภทใดบน YouTube

8.การตลาดบนโซเชียลมีเดีย Social Media Marketing
การตลาดบนโซเชียลมีเดียคือการใช้โซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Twitter หรือ LinkedIn เพื่อทำการตลาดผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เริ่มต้น คุณจะต้องมีตัวตนบนแพลตฟอร์มโซเชียลหลักๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ LinkedIn

แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเหล่านั้น การมีเพจหรือบัญชีแบรนด์จะมีประโยชน์และยังปกป้องบัญชีแบรนด์ของคุณจากผู้ที่ต้องการโจมตีแบรนด์ที่อาจเกิดขึ้น โซเชียลมีเดีย คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับเนื้อหา หากต้องการสร้างผู้ติดตามและมีส่วนร่วม คุณจะต้องโพสต์บ่อยๆ เป็นที่เข้าใจกันว่าการใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
ดังนั้น หากคุณสร้างเนื้อหาอยู่แล้ว คุณสามารถแชร์บทความ วิดีโอ หรือพอดแคสต์เหล่านั้นบนหน้าโซเชียลมีเดียของคุณได้ตลอดเวลา

9.พอดคาสต์ Podcast
การตลาดเนื้อหาประเภทหนึ่งที่เน้นการผลิตเนื้อหาที่ได้ยิน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างแบรนด์และเพิ่มจำนวนผู้ชม เป็นเหมือนรายการวิทยุสมัยก่อนแต่เพียงตอนนี้ถูกนำ
ขึ้นมาใช้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เราอาจจะทำ Podcast ขึ้นมาเอง หรือไปร่วม Podcast บุคคลอื่น เพื่อให้ให้คนรู้จักและมีส่วนร่วมกับแบรนด์เรา

10.การเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการแปลง Conversion rate optimization (CRO)
คอนเวอร์ชั่น (Conversion) คือเวลาที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ดำเนินการที่คุณต้องการให้พวกเขาทำบนเว็บไซต์ของคุณ
ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพอัตรา Conversion (CRO) จึงเป็นกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์หรือหน้าเว็บของคุณ
เพื่อปรับปรุงหรือสนับสนุนการดำเนินการที่คุณต้องการให้ผู้เยี่ยมชมทำมากขึ้น

CRO คือ “การทดสอบที่มีความหมายซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการวิจัย Conversion อย่างละเอียดและดำเนินการโดยใช้กระบวนการที่มีระเบียบวินัยทีละขั้นตอน” มันเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจจิตวิทยาผู้ใช้ ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และการออกแบบส่วนต่อประสานผู้ใช้ (UI) การเขียนคำโฆษณา การโน้มน้าวใจ การทดสอบ A/B ที่ดำเนินการอยู่ สถิติ ความเข้าใจและการวิเคราะห์ข้อมูล และอื่นๆ

Ref : https://ahrefs.com/blog/internet-marketing-strategies/

คำค้นหา

7 เทคนิคอัปเดตเว็บไซต์ AI AI-News AINEWS Bitcoin Digitalasset DIGITAL STARTEGY FACEBOOK google googlemaps googlesearch IG Instragram Mac MacBookPro MARKETING-ONLINE Metaverse Motorola Oura Pet Portraits Pixel6 Rolls-Royce SEO Smartwatch SME SOCIALMEDIA SOCIALUPDATE TECH tiktok wordpress You.com กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ กลยุทธ์เนื้อหา การตลาดออนไลน์ ธุรกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ธุรกิจดิจิทัล นักบินอวกาศ ประโยชน์ของการตลาดออนไลน์ ฟีดแสดงผลิตภัณฑ์ รถบรรทุกไร้คนขับ รถบินได้ เครื่องบินพลังงานไฟฟ้า เครื่องบินไฟฟ้า เคล็ดลับการโพสต์ TikTok สำหรับปี 2023 เทคนิคทํา seo แนวโน้มการตลาด
©2023 WAKEDIGI | Design: Newspaperly WordPress Theme