การเขียนคำโฆษณาเป็นศิลปะและวิทยาศาสตร์ และบริษัทจำนวนมากต้องการการเขียนคำโฆษณาที่ดี นักเขียนคำโฆษณาที่ดีจะสามารถย่อเรื่องราวของแบรนด์คุณได้อย่างกระชับและมีความน่าสนใจและอ่านง่าย มีความสร้างสรรค์ของคำพูด
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเขียนงานของคุณ การเขียนคำโฆษณาให้ถูกต้องนั้นสำคัญกว่าการปั๊มเนื้อหาจำนวนมาก คุณต้องคำนึงถึงพื้นฐานของกลุ่มเป้าหมาย อ้างอิงจากโมเดลทางธุรกิจและคาแรกเตอร์ของเเบรนด์ รวมไปถึงโทนเสียงที่ต้องการใช้สื่อออกไปคุณควรใช้กลยุทธ์และวิธีการดึงดูดใจต่างๆ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าบริโภคชอบเนื้อหาแบบไหนและตอบสนองอย่างไรกับเนื้อหานั้นๆ
ขั้นตอนที่ 1: ระบุกลุ่มประชากรเป้าหมายของคุณ
อิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงอายุ ไลฟ์สไตล์ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ค่านิยม ความเชื่อ และอำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภคของคุณ
[ รูปแบบธุรกิจและธีม ]
คุณกำลังขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจ (Business to Business หรือ B2B) หรือคุณกำลังให้บริการแก่ตลาดผู้บริโภค (Business to Consumer หรือ B2C)
สิ่งนี้จะกำหนดว่าคุณควรใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นทางการหรือน้ำเสียงที่เป็นทางการเมื่อพูดกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า คุณควรเขียนในบุคคลที่หนึ่ง บุคคลที่สอง หรือบุคคลที่สาม
[ บุคลิกของแบรนด์ ]
บุคลิกภาพของแบรนด์ถูกกำหนดให้เป็น “ชุดของคุณลักษณะของมนุษย์ที่เกิดจากชื่อแบรนด์”
บุคลิกภาพของแบรนด์มี 4 ประเภทได้แก่
- ตื่นเต้น ร่าเริง แจ่มใส อ่อนเยาว์
- จริงใจ ดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น เน้นครอบครัว
- ความสามารถ มีความเป็นผู้นำสูง มีไหวพริบ ประสบความสำเร็จ และมีความสามารถในการโน้มน้าวผู้อื่น
- ความซับซ้อน หรูหรา โฉบเฉี่ยว มีระดับ เก๋ไก๋ และอาจจะดูโอ้อวดหรือดูขัดแย้งในบางครั้ง
ขั้นตอนที่ 2 : ผสานการตลาดเนื้อหาเข้ากับกลยุทธ์การเขียนคำโฆษณาของคุณเข้าด้วยกัน
คุณสามารถใช้กลยุทธ์การดึงดูดประเภทต่างๆ เพื่อเขียนเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ ใช้ดุลยพินิจของคุณเองในการเขียนคำโฆษณา และพิจารณาความเหมาะสมของสื่อ/ช่องทางที่คุณใช้อยู่
[ เนื้อหาประเภทอารมณ์ขัน ]
ทุกคนชอบและอารมณ์ขันสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตลกขบขัน หรือการใช้คำเล่น คุณสามารถใช้เพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับผู้ชมได้
[ เนื้อหาประเภทดึงดูดอารมณ์ ]
บริษัทประกันภัยและธนาคารหลายแห่งชอบใช้การดึงดูดทางอารมณ์กระตุ้นในการเขียนคำโฆษณา เพื่อสร้างอารมณ์ที่รุนแรงทั้งด้านลบและด้านบวกหากคุณเป็นองค์กรการกุศลที่ให้โอกาสในการทำงานแก่ผู้ที่มาจากคนที่ด้อยโอกาส การใช้การดึงดูดใจทางอารมณ์จะได้ผลดี
[เนื้อหาประเภทข้อมูล]
การเขียนคำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้อง เราอาจใช้กลยุทธ์การให้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก
จุดประสงค์ของเราคือการมีส่วนร่วมและให้ความรู้กับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
[ เนื้อหาประเภท ได้รับประโยชน์/เสียประโยชน์ ]
เนื้อหาที่นำเสนอถึงขอบเขตหากลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าตัวนี้ไปอาจจะทำให้ต้องเสียโอกาสจากอะไรไปอย่างหนึ่งก็ได้
เช่น หากคุณเป็นบริษัทยาสีฟัน คุณจะบอกผู้บริโภคว่าฟันของพวกเขาอาจผุ ส่งผลให้ต้องไปพบแพทย์มากขึ้นหากพวกเขาไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ
ดังนั้นทฤษฎีกรอบการเสียประโยชน์จึงมุ่งเน้นไปที่การหลีกเลี่ยงการสูญเสียหรือการลดหรือลดผลกระทบของการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด เนื้อหาที่ได้รับประโยชน์ หมายถึงสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับหากพวกเขาใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เช่น ประหยัดเวลาในการทำความสะอาด เวลาเหลือเยอะขึ้น เครื่องช่วยดูดฝุ่นในห้องของคุณ
ขั้นตอนที่ 3: การประมวลผลข้อมูล
การประมวลผลแบบฮิวริสติกอิงตามแนวคิดและความเชื่อที่เกิดขึ้นไม่ต้องการการประมวลผลข้อมูลมากนัก
และมักจะเป็นรูปแบบที่โน้มน้าวใจของการตลาดเนื้อหา ประมวลผลงานเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก Emotion ทั้งหลาย
การประมวลผลแบบเป็นระบบ ต้องใช้ระบบทางปัญญาเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เพราะจำเป็นต้องใช้เนื้อหาจำนวนมากเพื่อประมวลผลออกมา จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์รายงานออกมาเป็นข้อมูลสถิติที่วัดผลได้
Ref : https://syncpr.co/2021/10/11/effective-copywriting-startup-2021/